เราได้มีโอกาสไปเที่ยวอังกฤษมาเมื่อปี 2014 เลยอยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์การขอวีซ่าอังกฤษค่ะ ซึ่งอังกฤษจะไม่รวมอยู่ในกลุ่มแชงเก้น ต้องขอแยกต่างหาก เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเดินทางนะคะ ทำตามขั้นตอนดังนี้ค่ะ
ให้เตรียมเอกสารการขอวีซ่า โดยเรียงเอกสารดังนี้ค่ะ
1. หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริง และ ถ่ายสำเนาหน้าแรกที่มีข้อมูลของเราค่ะโดยต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าขึ้นไป
2. รูปถ่ายขนาด (45 มม. x 35 มม.) ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน 1 รูป พื้นหลังสีขาว ใช้ติดใบสมัครขอวีซ่า (Visa Application)
3. แบบฟอร์มใบสมัครขอวีซ่า (Visa Application)
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. สำเนาทะเบียนบ้าน (เตรียมตัวจริงไปด้วยนะคะ เพราะตอนเราไปขอ โดนขอเรียกดูด้วยค่ะ)
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน จะใช้ใบจอง หรือ ใบเสร็จที่จ่ายเงินแล้วก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าวีซ่าจะผ่านรึเปล่าใช้ใบจองดีกว่าค่ะ
7. ใบจองที่พักต้องมีให้ครบทุกคืนตลอดระยะเวลาการเดินทางไปเที่ยว อย่าขาดแม้แต่คืนเดียว ถ้าขาดต้องบอกได้ว่าทำไมถึงไม่มีที่พัก และเดินทางอย่างไร ไปที่ไหน เช่น เดินทางตอนกลางคืนโดยรถไฟ ถึงอีกเมืองตอนเช้า อันนี้ต้องมีตั๋วรถไฟแนบไปด้วยนะคะ โดยการจองโรงแรมถ้ากลัวเรื่องวีซ่า ให้จองแบบ Free cancellation and pay later ค่ะ เพราะถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะได้ Cancel ได้ไม่ต้องจ่ายตัง แล้วปริ้นใบ Confirm มาแนบการขอวีซ่าค่ะ
8. หนังสือรับรองการทำงาน (เป็นภาษาอังกฤษ) โดยระบุวันที่เริ่มทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน
9. ใบลาพักร้อน ระบุจำนวนวันที่ลาจำนวนกี่วัน ให้ครอบคลุมจำนวนวันที่เดินทางไปเที่ยวนะคะ
10. หนังสือรับรองจากธนาคาร (เวลาไปธนาคารเตรียมสมุดบัญชีกับบัตรประชาชนไปด้วย แล้วบอกพนักงานว่าขอหนังสือรับรองฐานะการเงินหรือ Bank Guarantee อันนี้ธนาคารจะคิดเงินค่าออก 100 บาท ขึ้นกับธนาคารนะคะ โดยเราให้เค้าออกเป็นเงินปอนด์ค่ะ
11. สมุดบัญชีเงินฝากที่แสดงการเคลื่อนไหวทางด้านการเงินย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้าย (Statement) ข้อนี้ถ้าใครปรับสมุดบัญชีที่ตู้ธนาคารตลอดสามารถถ่ายเอกสาร แล้วให้สาขารับรองให้ได้นะคะ ไม่ต้องเสียเงินไปขอใหม่ แต่ถ้าใครไม่ได้ปรับสมุดบัญชีตลอดก็ไปขอที่ธนาคารได้ค่ะ ประมาณ 100-200 บาท (ใช้บัญชีที่มีเงินหมุนเวียนบ่อยๆ มีเงินเข้าออกตลอด เป็นบัญชีหลักของเรา ถ้าใครมีหลายบัญชีก็สามารถแนบหลายบัญชีได้ค่ะ) และ อย่าลืมเตรียมสมุดตัวจริงไปด้วยนะคะ
12. หลักฐานอื่นๆ ที่แสดงถึงความพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศและแสดงถึงภาระผูกพันหรือ ความสัมพันธ์ของท่านในประเทศไทย
-ใบสำคัญการสมรส
-สูติบัตรของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติ ภาวะ
-หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (กรณีประกอบ อาชีพอิสระหรือเป็นเจ้าของธุรกิจ)
-หนังสือรับรองจากโรงเรียนหรือสถาบันศึกษา
-โฉนดที่ดิน
-สัญญาเช่าบ้าน
13. ในกรณีที่เราให้บุคคลอื่นเป็น Sponsor ให้เตรียมเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
-สำเนาบัตรประชาชน และ ทะเบียนบ้าน
– จดหมายรับรองการทำงาน (เป็นภาษาอังกฤษ) หรือทะเบียนการค้า
– Statement ย้อนหลัง 6 เดือน และ หนังสือรับรองฐานะการเงิน (Bank Guarantee)
-จดหมายรับรองการเป็นสปอนเซอร์ (Sponsor letter) เป็นภาษาอังกฤษ
14. แผนการเดินทางตลอดระยะเวลาที่พำนัก เอาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ทำได้เลยนะคะ ตัวอย่างคร่าวๆ ค่ะ
15. จดหมายการยืนยันการนัดหมายยื่นวีซ่า ตอนที่เราทำการจองวันยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ให้สังเกตตรง View Appointment ช่องสีเขียวๆ อย่าลืมปริ้นตัว Application ช่องสีดำมาด้วยนะคะ
ปล. 1 ค่าธรรมเนียมวีซ่าจ่ายออนไลน์ ประมาณ USD 131 (เป็นวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น 6 เดือน)
ปล. 2 เอกสารที่เป็นภาษไทยให้แปลเป็นภาษาอังกฤษทุกอันนะคะ โดยเราใช้วิธีเขียนเป็นภาษาอังกฤษข้างๆตัวหนังสือที่เป็นภาษาไทยเลย ไม่ได้จ้างแปล ยกเว้นสำเนาบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านเราไม่ได้แปลไปค่ะ
ขั้นตอนการกรอกเอกสารแบบฟอร์มใบสมัครขอวีซ่า (Visa Application) ขอบอกว่าเยอะมาก เป็นสิบหน้า กรอกจนตาลายเข้าไปกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ที่ https://www.visa4uk.fco.gov.uk/ โดยต้องทำการ Register ก่อนนะคะ เราแนะนำให้ทำตาม Link นี้เลยค่ะ ขอบอกว่าเขียนละเอียดมาก รับรองไม่ผิดแน่นอน
http://pantip.com/topic/31758151
16. ประกันการเดินทาง ถึงแม้จะไม่ได้เป็น Requirement ของเอกสารขอวีซ่าอังกฤษ แต่อย่างน้อยทุกครั้งที่มีการเดินทาง ก็ควรทำประกันการเดินทาง จะเป็นรายเที่ยวหรือรายปีก็ได้ ความคุ้มครองก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน เพราะเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยก็จะได้มั่นใจทุกการเดินทางซึ่งประกันการเดินทางก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก มีทั้งประกันการเดินทางรายเที่ยว และประกันการเดินทางรายปี ขึ้นอยู่กับว่าผู้เดินทาง เดินทางบ่อยแค่ไหน แนะนำให้ดูข้อมูล เปรียบเทียบประกันการเดินทางทั้งสองแบบ และเลือกประกันการเดินทางที่เหมาะสมกับคุณที่สุด >>>http://travelholic.info/2018/08/เปรียบเทียบประกันการเดินทาง-รายเที่ยวหรือรายปี/
เมื่อเตรียมเอกสาร และกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวไปยื่นเอกสารที่ บริษัท VFS อยู่ตรงอาคาร Regent House ใกล้สถานี BTS ราชดำริ นั่งรอคิวด้านนอกนะคะ รอเจ้าหน้าที่เรียกคิว เดินเข้าไปนี่พี่แกไล่เตลิดออกมาเลยทีเดียว บอกให้รอข้างนอก ตามคิวครับตามคิว คนเยอะมาก เพราะที่นี่ใช้ยื่นวีซ่าอังกฤษ กับ ออสเตรียเลีย พอถึงเวลาตามที่นัด พี่รปภ.จะเรียกเข้าไปเพื่อตรวจค้นแสกนกระเป๋า และ ตัวเราว่ามีระเบิดรึเปล่า ฮี่ๆ พร้อมกับปิดโทรศัพท์มือถือ จากนั้นไปนั่งรอเรียกคิวด้านในอีกที ที่นี่ถามไม่เยอะ เปิดเอกสาร พลิกไปมา หน้านิ่งๆ
ตอนนี้เปลี่ยนเป็นไปยื่นที่ อาคารเดอะ เทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13 แล้วนะคะ
พี่อังกฤษ : ไปทำอะไร
เรา : ไปเที่ยวค่ะ
พี่อังกฤษ : ไปกี่วัน กี่คน
เรา : ไป 12 วันค่ะ ไปกัน 4 คน
พี่อังกฤษ : 4 คนนี้เกี่ยวข้องกันยังไง พักที่ไหน บลาๆๆ
เรา : บลาๆๆๆๆๆๆ
พี่อังกฤษ : มารับเองหรือส่งไปรษณีย์ รอผล 15 วันทำการนะ
เรา : มารับเองค่ะ (คือต้องผลการพิจารณานานมาก 15 วันทำการ อิชั้นรอไม่ไหว กว่าจะส่งมาถึง เลยขอมารับเอง แต่ถ้าให้ส่งไปรษณีย์จะต้องจ่ายเงินประมาณ 250 บาทค่าส่ง)
(ที่นี่เค้ามีบริการ Fast track โดยใช้เวลาการพิจารณาประมาณ 3-5 วันทำการนะคะ แต่จะต้องจ่ายเงิน GBP 120 (แพงมาก) หรือ ด่วนพิเศษแบบ 24 ชั่วโมงต้องจ่ายเงิน GBP 600 ถ้าใครรีบก็จ่ายเพิ่มได้ค่ะ โดยสามารถทำการจ่ายที่เจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ได้เลย และต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นนะจ๊ะ)
พี่อังกฤษ : จะแจ้งผลทางอีเมลล์นะ ต้องการให้ส่ง SMS ด้วยมั๊ยค่าส่ง 80 บาท
เรา : เอาค่ะ (เราเลือกให้ส่ง SMS ให้เพราะกลัวลืม โดยเค้าจะมีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว)
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้สแกนนิ้ว 10 เป็นอันเสร็จพิธี
จากนั้นก็ รอ รอ รอ แล้วก็รอ ประมาณ 12 วันทำการก็ได้รับ SMS ว่าผลการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้มารับหนังสือเดินทางคืนได้แล้วนะจ๊ะ เปิดดูพี่เค้าใจดีให้มาตั้ง 6 เดือนแหนะ อิๆ
คำแนะนำเพิ่มเติม
1. กรณีที่กรอกใบสมัครไปแล้ว หากเรากด Submit ในระบบแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ หากตรวจพบว่ากรอกข้อมูลผิด สามารถแก้ไขโดยปริ้นออกมาแล้วแก้ไข จากนั้นเซ็นต์ชื่อกำกับ
2. กรณีที่เลือกมารับหนังสือเดินทางเองแล้วถึงเวลามาไม่ได้สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทนได้นะคะ โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้ค่ะ -ใบมอบอำนาจ -เอกสารที่ได้รับคืนจากวันที่ยื่นวีซ่า มันจะเป็นหน้าพาสปอร์ต + ใบเสร็จ -สำเนาบัตรประชาชน คนที่เราจะไปรับคืนแทน
3. วีซ่าทุกประเภทของอังกฤษต้องยื่นด้วยตัวเองเท่านั้น เพราะต้องมีการสแกนลายนิ้วมือด้วยค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับวิธีการขอ เอกสารขอวีซ่าอังกฤษ เมื่อรู้วิธีแล้วก็เก็บกระเป๋าแล้วออกไปลุยกันได้เลย ก่อนที่จะออกไปก็อย่าลืมเลือกซื้อประกันการเดินทางติดตัวไปด้วยเพราะเหตุไม่คาดฝันสามารถเกิดกับเรา สามารถดูรายละเอียดแผนประกันได้ ที่นี่>> https://www.cigna.co.th/our-plans/travel-insurance
พูดคุยกันได้ที่ : https://www.facebook.com/atravelerblog/
IG: A_Traveler_Blog
Twitter: A Traveler Blog