วันนี้จะมารีวิวการขอวีซ่าเยอรมันเผื่อเป็นข้อมูลส่งต่อหลายๆท่านที่กำลังจะเดินทางค่ะ ที่เค้าว่าน่ากลัว ที่เค้าว่าโหด จะจริงมั๊ยมาดูกันค่ะ
คำแนะนำในการยื่นขอวีซ่า
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/00-Visa.html
คำแนะนำในการยื่นขอวีซ่า เชงเก้น
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Touristenvisum.html
เอกสารที่ต้องเตรียมในการขอวีซ่า มีดังนี้ค่ะ
1. หนังสือเดินทางฉบับจริง โดยตรวจสอบว่า มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า, หนังสือเดินทางออกมาไม่เกิน 10 ปี, ยังมีอายุการใช้งานเหลืออย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เดินทางออกนอกประเทศสมาชิกแชงเก้น (หากมีหนังสือเดินทางเล่มเดิมเอามาด้วยนะคะ) และ อย่าลืมถ่ายหน้าแรกของหนังสือเดินทางที่มีข้อมูลของเราด้วยนะคะจำนวน 1 ใบ
2. รูปถ่ายแบบไบโอเมตริก 2 ใบ ขนาด 35×45 mm (ตอนไปถ่ายรูปหน้าใหญ่มาก เต็มจอเลย ร้านถ่ายรูปบอกว่าเค้าวัดจากคางถึงหัวต้องได้ 35mm อันนี้สำหรับผู้หญิงว่าถ้าไม่อยากให้หน้าใหญ่จนเกินไปตอนถ่ายรูปตีโป่งไปเลยค่ะ หน้าจะได้เล็กลงหน่อยไม่บานเต็มจอเหมือนเรา) อย่าลืมเวลาไปถ่ายรูป ปปริ้นท์ตัวอย่างจากเวปไซท์ของสถานทูตไปให้ร้านดูด้วย เพราะว่าบางร้านก็ไม่รู้ว่า ถ่ายแบบไบโอเมตริกเป็นแบบไหน คืออะไร โดยรูป
ใบที่ 1 ติดกับ ใบสมัครการขอวีซ่า
ใบที่ 2 เขียน ชื่อ นามสกุล ภาษาอังกฤษ และ หมายเลข pass port ด้านหลังภาพด้วยนะคะและเก็บไว้ให้เจ้าหน้าที่ตอนสัมภาษณ์
เวลาไปถ่ายรูป แนะนำให้ปริ้นท์ตัวอย่างจากเวปไซท์ของสถานทูตไปให้ร้านดูด้วย เพราะว่าบางร้านก็ไม่รู้ว่า ถ่ายแบบไบโอเมตริก หรือ ใครไม่ชัวร์ที่สถานทูตมีบริการรับถ่ายรูปค่ะ
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าเชงเกนที่กรอกข้อความครบถ้วน 1 ฉบับ
4. แบบฟอร์มลงนามรับทราบข้อกำหนดตามกฎหมายการพำนักมาตรา 54 ข้อ 6 และมาตรา 55 รายการนี้ ปริ้นท์ ออกมาเซ็นชื่อได้ด้านล่างที่เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ส่วนด้านบทสำหรับคนเยอรมันค่ะ อันนี้เจ้าหน้าที่ด้านหน้าเรามาค่ะ
5. หลักฐานยืนยันการจองที่พัก/เที่ยวบินและอื่นๆ จากบริษัทนำเที่ยวและโรงแรม ตลอดระยะเวลาที่ขอพำนัก
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เนื่องจากตอนนั้นเราจองผ่าน Expedia ต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะได้ใบเสร็จ เลยใช้เป็นใบเสร็จที่ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าใครจะใช้ใบจองตั๋วเครื่องบิน และ ถ้าวีซ่าผ่านค่อยข่ายเงินทีหลังก็ได้ค่ะ
-ใบจองที่พัก เน้นย้ำว่าโรงแรมต้องมีครบทุกคืนนะคะ ใช้เป็นใบจองที่พัก หรือ ใบเสร็จที่จ่ายเงินแล้วก็ได้ค่ะ (เราจองผ่าน Booking.com ค่ะ โดยเลือกที่พักที่สามารถ Cancel ได้โดยไม่เสียเงินได้ เผื่อจะเปลี่ยนโรงแรม) และ คืนสุดท้ายเราไม่ได้จองที่พักค่ะ เพราะเราเดินทางโดยรถไฟตอนกลางคืน เลยแนบตั๋วรถไฟที่จองแล้วไปเลย
6. สำหรับพนักงาน/ลูกจ้าง ใช้เอกสาร หนังสือรับรองการทำงานปัจจุบัน (ที่ระบุตำแหน่ง จำนวนปีการทำงานและเงินเดือน) และ หนังสืออนุญาตให้ลาพักร้อน ลากี่วัน
7. หลักฐานการเงินสำหรับการเดินทางและการพำนัก ได้แก่
-หนังสือรับรองจากธนาคาร (เวลาไปธนาคารเตรียมสมุดบัญชีกับบัตรประชาชนไปด้วย แล้วบอกพนักงานว่าขอหนังสือรับรองฐานะการเงินหรือ Bank Guarantee อันนี้ธนาคารจะคิดเงินค่าออก 100 บาท ขึ้นกับธนาคารนะคะ โดยเราให้เค้าออกเป็นเงินยูโรค่ะ
-สมุดบัญชีเงินฝากที่แสดงการเคลื่อนไหวทางด้านการเงินย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้าย (Statement) ข้อนี้ถ้าใครปรับสมุดบัญชีที่ตู้ธนาคารตลอดสามารถถ่ายเอกสาร แล้วให้สาขารับรองให้ได้นะคะ ไม่ต้องเสียเงินไปขอใหม่ แต่ถ้าใครไม่ได้ปรับสมุดบัญชีตลอดก็ไปขอที่ธนาคารได้ค่ะ ประมาณ 100-200 บาท (ใช้บัญชีที่มีเงินหมุนเวียนบ่อยๆ มีเงินเข้าออกตลอด เป็นบัญชีหลักของเรา ถ้าใครมีหลายบัญชีก็สามารถแนบหลายบัญชีได้ค่ะ) และ อย่าลืมเตรียมสมุดตัวจริงไปด้วยนะคะ
8. หลักฐานอื่นๆ ที่แสดงถึงความพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศและแสดงถึงภาระผูกพันหรือ ความสัมพันธ์ของท่านในประเทศไทย
-ใบสำคัญการสมรส
-สูติบัตรของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติ ภาวะ
-สำเนาทะเบียนบ้าน (เราถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไปด้วยแหละ ได้ใช้ด้วยนะ)
-หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (กรณีประกอบ อาชีพอิสระหรือเป็นเจ้าของธุรกิจ)
-หนังสือรับรองจากโรงเรียนหรือสถาบันศึกษา
-โฉนดที่ดิน
-สัญญาเช่าบ้าน
9. สำหรับผู้เดินทางสัญชาติไทยที่อายุต่ำกว่า18 ปี ผู้มีอำนาจปกครองตามกฎหมาย (โดยปกติคือบิดา-มารดา) ต้องมาปรากฎตัวพร้อมกันในวันยื่นคำร้อง และเซ็นชื่อในคำร้องหากผู้มีอำนาจปกครอง หรือ บิดา-มารดา ไม่สามารถมาได้ ผู้เดินทางสามารถยื่นคำร้องที่ผู้มีอำนาจปกครองเซ็นชื่อไว้แล้ว พร้อม หนังสือยินยอม โดยลายเซ็นของผู้ปกครองหรือบิดา-มารดา ในหนังสือยินยอมนั้น จะต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานเขตหรืออำเภอที่สังกัด กรณีบิดา-มารดาพำนักอยู่ในเยอรมนีต้องมีการรับรอง ลายเซ็นจากหน่วยราชการของเยอรมนี กรณีบิดาหรือมารดาเพียงฝ่ายเดียวทำหนังสือยินยอมต้อง แสดงหลักฐานว่าบิดาหรือมารดาผู้นั้นเป็นผู้มีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียวจริง
10. หลักฐานการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ระหว่างการเดินทางตลอดระยะเวลาที่ขอพำนัก วงเงินความคุ้มครองไม่ตํ่ากว่า 30,000.- เหรียญยูโร และต้องรวมบริการนำตัวกลับประเทศในกรณีเจ็บป่วยด้วย สามารถตรวจสอบจากเวปของสถานทูตได้ค่ะ โดยเราเลือกของ Cigna ประมาณ 469 บาท รวมประกันเที่ยวบินดีเลย์ และ กระเป๋าเสียหาย
11. แผนการเดินทางตลอดระยะเวลาที่พำนัก (เราทำค่อนข้างละเอียด ไปที่ไหน ขึ้นรถลงเรือสถานีอะไร กะทำทีเดียว)
หมายเหตุ :เอกสารที่เป็นสำเนา เช่น สมุดเงินฝาก สัญญาต่างๆ ต้องนำตัวจริงไปด้วย และที่สำคัญ หนังสือเดินทาง ให้นำตัวจริงไปทุกเล่ม
12. หากเตรียมเอกสารครบแล้ว จัดเรียงเอกสาร โดยเตรียมสำเนาเอกสารเพียง 1 ชุด ตาม link ด้านล่างนี้เลยค่ะ
http://www.bangkok.diplo.de/contentblob/3926294/Daten/3635446/Sortierhinweis.pdf หรือเรียงตามข้อ 1-11 เหมือนเราเลยก็ได้
13. ขั้นตอนการกรอกใบสมัครออนไลน์ (เลือกกรอกเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ) โดยกรอกตาม Link นี้เลย
https://videx.diplo.de/videx/?2
อย่าลืมกรอกข้อมูลอ้างอิงนะคะ (ถ้าไม่มีใครเชิญ ก็ใส่ที่อยู่โรงแรมค่ะ ตอนนั้นเราลืมใส่ไป) เมื่อกรอกเสร็จ ตรวจทาน และ Save เก็บไว้ในคอม แล้วปริ้นออกมา 1 ชุด แล้วติดรูปถ่ายหน้าแรกค่ะ หากกรอกข้อมูลผิดสามารถเข้าไปแก้ไขใหม่ได้นะคะ
14. ขั้นตอนการนัดขอสัมภาษณ์ สามารถนัดหมายผ่านออนไลน์ตาม Link นี้เลยค่ะ
https://service2.diplo.de/rktermin/extern/choose_categoryList.do?locationCode=bangk&realmId=635
โดยรอบการนัดสัมภาษณ์จะมีทุกครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่ 07.30 เป็นต้นไป ค่ะ หากนัดหมายเสร็จแล้วจะได้รับอีเมลล์ยืนยัน (ปริ้นหรือไม่ปริ้นไปก็ได้ค่ะ เพราะทางสถานทูตมีข้อมูลแล้ว ในเมลลืจะมีการแจ้งว่าต้องเป็นหมายเลขพลาสปอร์ต xxxxx เท่านั้นที่สามารถยื่นขอวีซ่าตามที่แจ้งได้ แนะนำว่าหากใครหนังสือเดินทางใกล้หมดอายุให้ไปต่อมาก่อนที่จะทำการนัดหมายนะคะ) โดยในอีเมลล์จะแจ้งว่าให้ไปก่อนเวลานัดหมาย 15 นาทีเผื่อคนเตรียมตัว และ เตรียมใจค่ะ
สถานทูตอยู่ที่สาทร ใกล้กับตึก Q-Houseใครขับรถมาสามารถมาจอดที่ตึก Q-House สาทรได้นะคะ แวะซื้อน้ำที่ร้านกาแฟเพื่อแสตมป์บัตรซะหน่อยจะได้จอดฟรี 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นชั่วโมงละ 30 บาท แต่ถ้าไม่แสตมป์เลยพี่แกคิดชั่วโมงละ 100 แพงเว่อร์
เรามาถึงก่อนเวลานัดหมาย 30 นาทีตื่นเต้น โดยไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยว มารู้ตอนที่นั่งรอเลยหาข้อมูลอ่านละอุทานเบาๆ “ซวยละซิ” จะผ่านมั๊ยเนี๊ยะ จิตตกกันเลยกลัวไม่ผ่านเพราะบางส่วนจ่ายเงินไปแล้วด้วย
15. ขั้นตอนการสัมภาษณ์
ก่อนเข้าสถานทูต ต้องปิดโทรศัพท์ มือถือ Tablet , IPAD เครื่องมือสื่อสาร ทุกชนิด จะมัพนักงานตรวจกระเป๋า และ ให้ฝากโทรศัพท์ และ Power Bank ไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ เค้าจะให้หมายเลขตู้มาเพื่อมาแลกโทรศัพท์คืนตอนขากลับ
นั่งรอเรียกคิว ด้านขวามือมีห้องน้ำ ร้านถ่ายรูป และ ขายซองจดหมายเพื่อส่งไปรษณีย์ ห้ามขึ้นไปนะคะถ้ายังไม่ถึงเวลานัดหมายระวังโดนพี่แกเหวี่ยง
ถึงเวลานัดหมายพี่แกจะเรียกเพื่อรับบัตรคิว และไปนั่งรอ ณ จุดนี้นาทีระทึกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
คิวที่ 102 เชิญช่อง 8 และแล้วเราก็พบกับชายหนุ่มหน้าลูกครึ่ง หน้าตาดี ผิวขาว ยิ้มสู้ค่ะ แต่ใบหน้าและแววตาพี่แกช่างเรียบเฉยยิ่งนัก
พี่เยอรมัน : เอกสารสารทั้งหมดใส่ลงในช่องเลย ทั้งหมดที่เตรียมมาหน่ะ
เรา : นี่ค่ะ (ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก)
พี่เยอรมัน : ไปทำไม
เรา : ไปเที่ยวค่ะ
พี่เยอรมัน : ไปกี่วัน รวมเดินทาง 13 วันค่ะ
พี่เยอรมัน : (เปิดเอกสารการจองที่พัก) เดินทางวันไหน ไปที่ไหนบ้าง
เรา : เดินทาง 17 โดยไป เยอรมัน เช็ค ฮังการี ออสเตรีย และ อิตาลี่ค่ะ
พี่เยอรมัน : พักที่เยอรมัน กี่คืน แล้วพักที่ออสเตรียกี่คืน
เรา : พักที่เยอรมัน 3 คืน และ พักที่ออสเตรีย 3 คืนค่ะ
พี่เยอรมัน : ทำงานอะไร ที่ไหน ทำมากี่ปี ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่
เรา : บลาๆๆ
พี่เยอรมัน : เคยไปญี่ปุ่นมั๊ย เคยได้วีซ่าแชงเก้นมาก่อนมั้ย
เรา : เคยไปญี่ปุ่นค่ะ และ เคยได้วีซ่าแชงเก้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ
พี่เยอรมัน : สแกนนิ้วมือ สี่นิ้วขวา สี่นิ้วซ้าย หัวแม่มือสองข้าง กดแรงๆ ไม่ชัดกดแรงๆ
เรา : ได้ค่ะ
พี่เยอรมัน : (พี่แกเปิดเอกสารพรึ่บพับๆ แล้วก็ดูข้อมูลใบสมัครที่เราคีย์แล้วเลื่อนลงมาเรื่อยๆๆ จน…..ช่อง Reference ซึ่งเราใส่ไม่มีข้อมูลอ้างอิง คือเราไม่เห็นว่าให้ใส่ข้อมูลโรงแรม เห็นแต่บุคคลอ้างอิง) ทำไมไม่กรอกข้อมูลอ้างอิง
เรา: ตรงไหนคะ
พี่เยอรมัน: ทำไมไม่กรอก
เรา: นึกว่าให้กรอกข้อมูลบุคคลอ้างอิงค่ะ
พี่เยอรมัน: ทำไมไม่กรอก
เรา: นึกว่าให้ใส่ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หนูเลยไม่ได้ใส่ค่ะ
พี่เยอรมัน: ทำไมไม่กรอก ทำไมไม่กรอก
เรา: …….(คือไม่รู้จะตอบยังไงแล้วอ่ะ กดดันมาก พี่แกถามอยู่ประโยคเดียว “ทำไมถึงไม่กรอก” อยู่ประมาณ 5นาที ตอนนั้นอารมณ์เหมือนขึ้นศาลตัดสินนักโทษ ตัวนี่เล็กเท่ามด หน้านี่ซีดเผือด คือต้องตอบว่าอะไร)
พี่เยอรมัน: ทำไมไม่ใส่โรงแรมที่พักคืนแรก
เรา: ต้องขอโทษด้วยค่ะหนูไม่เห็น นึกว่าให้ใส่บุคคลอ้างอิง เลยไม่ได้กรอก
พี่เยอรมัน : (มีหงุดหงิดเล็กน้อยถึงมากที่สุด และก็ยอมกรอกข้อมูลที่อยู่ของโรงแรมคืนแรกให้ พยายามยิ้มสู้มาก ลองนึกดูว่าถ้าไปธนาคารหรือเกือบทุกที่ลูกค้าคือพระเจ้า แต่ที่นี่ เจ้าหน้าที่ค่ะใหญ่สุดเราต้องยิ้มค่ะ แม้เหงือกจะแห้งก็ต้องยิ้มไว้ค่ะ) จะเลิกรับ Passport ทางไปรษณีย์หรือมารับเอง
เรา : รับทางไปรษณีย์ค่ะ
พี่เยอรมัน : ไปจ่ายเงินช่อง 2 แล้วไปซื้อซองด้านล่าง แล้วกรอกข้อมูลที่อยู่ จากนั้นเอาซองกลับมาให้ผมที่ช่องเดิมนะ
เรา : ได้ค่ะ (เราไปจ่ายเงินช่อง 2 จำนวน 2,300 บาท และ ลงไปซื้อซองไปรษณีย์ด้านล่าง กรอกข้อมูลที่อยู่ และเอากลับมาให้พี่เค้าที่ช่องเดิม โดยตอนที่ซื้อซองเค้าจะให้ใบเสร็จสีเขียวเล็กๆ มีเลข EMS ไว้ตรวจสอบการจัดส่งทางไปรษณีย์ เก็บไว้จนกว่าจะได้ซอง Passport นะคะ
เสร็จสิ้นกระบวนการยื่นเอกสารขอวีซ่าค่ะ
ยื่นวันอังคาร วันพุธไปรษณีย์มาส่งถึงบ้าน เปิดดูได้วันเดินทางมาแบบเป๊ะมาก ไม่มีเผื่อเลยแม้แต่วันเดียว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ให้หนูได้ไปเที่ยว
พูดคุยกันได้ที่ : https://www.facebook.com/atravelerblog/
IG: A_Traveler_Blog
Twitter: A Traveler Blog